แชมเปญ เคร่มองต์ หรือ ไวน์มีฟอง
คนฝรั่งเศสจะเรียกไวน์มีฟองหรือแชมเปญ ว่า “ช็องปาญ” เพราะมีแหล่งผลิตที่แคว้นช็องปาญ (Champagne) ทางตอนเหนือของประเทศฝรั่งเศสเท่านั้น และถือว่าเป็นกฏหมายสากลที่อนุรักษณ์และคุ้มครองผู้ผลิตซึ่งหมายความว่าในโลกใบนี้แชมเปญต้องผลิตที่แคว้นช็องปาญเท่านั้นถ้ามีใครแอบเอาชื่อไปใช้ต้องโดนฟ้องแน่ๆนะคะ ไวน์มีฟองที่ผลิตที่อเมริกาจะมีชื่อเรียกว่า สปาร์คกลิ้งไวน์ ที่อิตาลีเรียกว่า สปูมันเต ที่ประเทศเยอรมัน เซคท์ เขตอื่นๆในฝรั่งเศสที่มีการผลิตไวน์มีฟองคล้ายๆแชมเปญแต่จะใช้ชื่ออื่นในการเรียกแทน เช่น เคร่มองต์ (Crémant) หรือแว็ง มูซเซอ
ทำไมแชมเปญถึงต้องมีการผลิตที่แคว้นช็องปาญ ในประเทศฝรั่งเศสเท่านั้น?
จริงๆแล้วก็มีทั้งเหตุและผลที่สำคัญนะคะ เพราะสิ่งแรกที่กำหนดรสชาติของแชมเปญก็คือ “ดิน” ที่ใช้เพาะปลูกองุ่น ซึ่งใต้ดินในแคว้นช็องปาญจะมี ดินหรือหินปูนสีขาวคล้ายๆกับชอล์กที่ใช้เขียนกระดานดำปะปนอยู่ ซึ่งดินหรือหินปูนชนิดนี้พบว่ามีอยู่ในฉะเพาะแคว้นช็องปาญที่เดียวเท่านั้น และหินปูนชนิดนี้นี่เองที่เป็นตัวให้แร่ธาตุกับองุ่น ทำให้องุ่นที่นำมาทำแชมเปญมีรสชาติเฉพาะตัว ปัจจัยอีกอย่างหนึ่งทำจะทำให้องุ่นมีรสชาติดีเหมาะกับการนำมาทำไวน์ก็คือสภาพดินฟ้าอากาศที่เหมาะแก่การเจริญเติบโตขององุ่น
แชมเปญ เคร่มองต์ มีความเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร?
ถ้าดูจากลักษณะภายนอกแล้วแชมเปญกับเคร่มองต์มีความเหมือนกันราวกับพี่น้องฝาแฝด เพราะว่าแทบไม่มีอะไรที่แตกต่างกันเลย ไม่ว่าจะรูปแบบขวด การออกแบบจุกที่ปิดขวดหรือแม้กระทั่งฉลาก แต่นอกเหนือจากแหล่งผลิตดังที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว สิ่งหนึ่งที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดเลยคือ ราคา ราคาแชมเปญ โดยเฉลี่ยแล้วจะอยู่ที่ประมาณ 19 ยูโร(12 -40 ยูโร) คิดเป็นเงินไทย 480-1600 บาทหรือประมาณ 750 บาทโดยเฉลี่ย ส่วนราคาเคร่มองต์จะถูกกว่าถึง 3-4 เท่าคือโดยเฉลี่ยแล้วจะตกประมาณ 4.65 ยูโรหรือราวๆ 180 บาท เคร่มองต์บรูโกนซึ่งถือว่ามีรสชาติค่อนข้างดีมีราคาเพียง 6.25 ยูโรซึ่งก็ยังถือว่าถูกว่าอยู่มาก แม้ว่าราคาจะถูกกว่าแต่ก็ไม่ถือรสชาติจะด้อยกว่าเสมอไป มีภัตตาคารระดับดาวมิชลินบางแห่งในปารีสที่มีเฉพาะเคร่มองต์บรูโกนไว้บริการแต่ไม่มีแชมเปญไว้จำหน่ายให้ลูกค้า ซึ่งแรกๆลูกค้าอาจจะรู้สึกประหลาดใจกันอยู่บ้าง แต่ก็มีหลายคนที่รู้จักเคร่มองต์ดี ก็นิยมดื่มเคร่มองต์ดีๆมากกว่าแชมเปญที่มีรสชาติที่ด้อยกว่า ราคาแตกต่างกันซะขนาดนี้ก็ย่อมมีที่มาที่ไป ความแตกต่างของแชมเปญกับเคร่มองต์ คืออะไร
– ราคาขององุ่น วัตถุดิบที่ใช้ผลิตก็คือ องุ่น ซึ่งถือว่าเป็นหัวใจสำคัญที่ใช้ในการผลิตไวน์ ซึ่งจะมีราคาที่แตกต่างกันมากพอสมควร ในการทำแชมเปญ 1 ขวดต้องใช้องุ่นถึง 1.5 กิโลกรัม โดยราคาขององุ่นจะตกประมาณกิโลกรัมละ 5-6 ยูโร ส่วนราคาองุ่นที่ใช้ทำเคร่มองต์จะถูกกว่าถึง 4 เท่า
– ขบวนการผลิต หลังจากเก็บเกี่ยวแล้วองุ่นจะถูกส่งเข้าโรงงาน สีของเปลือกองุ่นจะเป็นตัวกำหนดสีของไวน์หรือแชมเปญ เช่นไวน์แดงได้มาจากองุ่นแดง และในขั้นตอนการคั้นน้ำองุ่นนี่เองที่ทำให้ราคาแชมเปญแตกต่างกัน โดยจะมีการใช้เครื่องค่อยบีบคั้นเอาน้ำองุ่นออกมาในรอบแรกโดยจะใช้เวลานานถึง 4 ชั่วโมงต่อองุ่น 4000 กิโลกรัม น้ำองุ่นทีได้ออกมาจะมีปริมาณเพียง 2550 ลิตร ที่ค่อยๆคั้นก็เพื่อให้สีของเปลือกและสารที่ให้รสฝาดหรือแทนนินปนออกมาให้น้อยที่สุด โดยน้ำองุ่นที่คั้นในรอบแรกเรียกว่า “Cuvée” จะถูกนำไปทำแชมเปญที่มีรสชาติดีและแพงกว่า และรอบที่สองราคาก็จะถูกลงมาเพราะจะมีสี และสารอื่นๆในเปลือกองุ่นปนออกมาด้วย เวลาไปเลือกซื้อแชมเปญจะเห็นว่าถ้ามีคำว่า Cuvée อยู่บนฉลากราคาก็จะแพงกว่า
แชมเปญแต่ละยี่ห้อก็จะมีสไตล์และรสชาติเฉพาะตัว บริษัทผลิตแชมเปญที่เก่าแก่ที่สุดในฝรั่งเศสคือ Ruinart และน่าจะเป็นแชมเปญที่รสชาติดีที่สุดอีกยี่ห้อหนึ่งเลยก็ว่าได้ ซึ่งผู้บริหารคนปัจจุบันบอกว่าทางบริษัทได้ทำการการควบคุมคุณภาพเพื่อให้แชมเปญทุกขวดมีรสชาติเหมือนๆกัน ถ้าบนฉลากไม่มีปีที่ผลิตแสดงว่าแชมเปญขวดนั้น มีนำไวน์หลายๆปีมาผสมรวมกันเพื่อปรับปรุงให้มีรสชาติดีที่สุดและมีมาตรฐานเหมือนกันทุกขวด ดังนั้นบริษัทจะมีเก็บไวน์ แตกต่างกันไว้มากถึง 150 ชนิดเลยทีเดียว ส่วน “วินเทจ แชมเปญ” คือแชมเปญที่มีการระบุปีที่ผลิตไว้บนฉลากซึ่งก็หมายถึงการนำองุ่นในปีเดียวกันมาผลิตโดยที่อาจจะมาจากหลายๆไร่
จริงๆแล้วก็มีทั้งเหตุและผลที่สำคัญนะคะ เพราะสิ่งแรกที่กำหนดรสชาติของแชมเปญก็คือ “ดิน” ที่ใช้เพาะปลูกองุ่น ซึ่งใต้ดินในแคว้นช็องปาญจะมี ดินหรือหินปูนสีขาวคล้ายๆกับชอล์กที่ใช้เขียนกระดานดำปะปนอยู่ ซึ่งดินหรือหินปูนชนิดนี้พบว่ามีอยู่ในฉะเพาะแคว้นช็องปาญที่เดียวเท่านั้น และหินปูนชนิดนี้นี่เองที่เป็นตัวให้แร่ธาตุกับองุ่น ทำให้องุ่นที่นำมาทำแชมเปญมีรสชาติเฉพาะตัว ปัจจัยอีกอย่างหนึ่งทำจะทำให้องุ่นมีรสชาติดีเหมาะกับการนำมาทำไวน์ก็คือสภาพดินฟ้าอากาศที่เหมาะแก่การเจริญเติบโตขององุ่น
แชมเปญ เคร่มองต์ มีความเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร?
ถ้าดูจากลักษณะภายนอกแล้วแชมเปญกับเคร่มองต์มีความเหมือนกันราวกับพี่น้องฝาแฝด เพราะว่าแทบไม่มีอะไรที่แตกต่างกันเลย ไม่ว่าจะรูปแบบขวด การออกแบบจุกที่ปิดขวดหรือแม้กระทั่งฉลาก แต่นอกเหนือจากแหล่งผลิตดังที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว สิ่งหนึ่งที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดเลยคือ ราคา ราคาแชมเปญ โดยเฉลี่ยแล้วจะอยู่ที่ประมาณ 19 ยูโร(12 -40 ยูโร) คิดเป็นเงินไทย 480-1600 บาทหรือประมาณ 750 บาทโดยเฉลี่ย ส่วนราคาเคร่มองต์จะถูกกว่าถึง 3-4 เท่าคือโดยเฉลี่ยแล้วจะตกประมาณ 4.65 ยูโรหรือราวๆ 180 บาท เคร่มองต์บรูโกนซึ่งถือว่ามีรสชาติค่อนข้างดีมีราคาเพียง 6.25 ยูโรซึ่งก็ยังถือว่าถูกว่าอยู่มาก แม้ว่าราคาจะถูกกว่าแต่ก็ไม่ถือรสชาติจะด้อยกว่าเสมอไป มีภัตตาคารระดับดาวมิชลินบางแห่งในปารีสที่มีเฉพาะเคร่มองต์บรูโกนไว้บริการแต่ไม่มีแชมเปญไว้จำหน่ายให้ลูกค้า ซึ่งแรกๆลูกค้าอาจจะรู้สึกประหลาดใจกันอยู่บ้าง แต่ก็มีหลายคนที่รู้จักเคร่มองต์ดี ก็นิยมดื่มเคร่มองต์ดีๆมากกว่าแชมเปญที่มีรสชาติที่ด้อยกว่า ราคาแตกต่างกันซะขนาดนี้ก็ย่อมมีที่มาที่ไป ความแตกต่างของแชมเปญกับเคร่มองต์ คืออะไร
– ราคาขององุ่น วัตถุดิบที่ใช้ผลิตก็คือ องุ่น ซึ่งถือว่าเป็นหัวใจสำคัญที่ใช้ในการผลิตไวน์ ซึ่งจะมีราคาที่แตกต่างกันมากพอสมควร ในการทำแชมเปญ 1 ขวดต้องใช้องุ่นถึง 1.5 กิโลกรัม โดยราคาขององุ่นจะตกประมาณกิโลกรัมละ 5-6 ยูโร ส่วนราคาองุ่นที่ใช้ทำเคร่มองต์จะถูกกว่าถึง 4 เท่า
– ขบวนการผลิต หลังจากเก็บเกี่ยวแล้วองุ่นจะถูกส่งเข้าโรงงาน สีของเปลือกองุ่นจะเป็นตัวกำหนดสีของไวน์หรือแชมเปญ เช่นไวน์แดงได้มาจากองุ่นแดง และในขั้นตอนการคั้นน้ำองุ่นนี่เองที่ทำให้ราคาแชมเปญแตกต่างกัน โดยจะมีการใช้เครื่องค่อยบีบคั้นเอาน้ำองุ่นออกมาในรอบแรกโดยจะใช้เวลานานถึง 4 ชั่วโมงต่อองุ่น 4000 กิโลกรัม น้ำองุ่นทีได้ออกมาจะมีปริมาณเพียง 2550 ลิตร ที่ค่อยๆคั้นก็เพื่อให้สีของเปลือกและสารที่ให้รสฝาดหรือแทนนินปนออกมาให้น้อยที่สุด โดยน้ำองุ่นที่คั้นในรอบแรกเรียกว่า “Cuvée” จะถูกนำไปทำแชมเปญที่มีรสชาติดีและแพงกว่า และรอบที่สองราคาก็จะถูกลงมาเพราะจะมีสี และสารอื่นๆในเปลือกองุ่นปนออกมาด้วย เวลาไปเลือกซื้อแชมเปญจะเห็นว่าถ้ามีคำว่า Cuvée อยู่บนฉลากราคาก็จะแพงกว่า
แชมเปญแต่ละยี่ห้อก็จะมีสไตล์และรสชาติเฉพาะตัว บริษัทผลิตแชมเปญที่เก่าแก่ที่สุดในฝรั่งเศสคือ Ruinart และน่าจะเป็นแชมเปญที่รสชาติดีที่สุดอีกยี่ห้อหนึ่งเลยก็ว่าได้ ซึ่งผู้บริหารคนปัจจุบันบอกว่าทางบริษัทได้ทำการการควบคุมคุณภาพเพื่อให้แชมเปญทุกขวดมีรสชาติเหมือนๆกัน ถ้าบนฉลากไม่มีปีที่ผลิตแสดงว่าแชมเปญขวดนั้น มีนำไวน์หลายๆปีมาผสมรวมกันเพื่อปรับปรุงให้มีรสชาติดีที่สุดและมีมาตรฐานเหมือนกันทุกขวด ดังนั้นบริษัทจะมีเก็บไวน์ แตกต่างกันไว้มากถึง 150 ชนิดเลยทีเดียว ส่วน “วินเทจ แชมเปญ” คือแชมเปญที่มีการระบุปีที่ผลิตไว้บนฉลากซึ่งก็หมายถึงการนำองุ่นในปีเดียวกันมาผลิตโดยที่อาจจะมาจากหลายๆไร่
Cr: http://nanavdo.com/%E0%B9%81%E0%B8%8A%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%8D-%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%95%E0%B9%8C-%E0%B8%84%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%A3/
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น